The one park เซ็นทรัลลาดพร้าว
087-666-5432
http://line.me/ti/p/~@kenglucky13

พรีวิว Samsung Galaxy Note 10 กล้องมิติเทพ S-Pen กายสิทธิ์ กับรูหูฟังที่หายไป

รับซื้อมือถือ LUCKY 13 MOBILE จ่ายสดรวดเร็วทันใจ 0876665432 รับซื้ออุปกรณ์ it ทุกรูปแบบ, ขายมือถือ, รับซื้อมือถือ, รับซื้อ iphone, รับซื้อ ipad, รับซื้อ samsung

พรีวิว Samsung Galaxy Note 10 กล้องมิติเทพ S-Pen กายสิทธิ์ กับรูหูฟังที่หายไป

พรีวิว Samsung Galaxy Note 10 กล้องมิติเทพ S-Pen กายสิทธิ์ กับรูหูฟังที่หายไป

เปิดตัวเรียบร้อยสำหรับ Samsung Galaxy Note 10 นี่เพิ่งออกจากงานมาตะกี้เลย รีบพุ่งมาเขียนบล็อกอย่างไว มีอะไรน่าสนใจอีกเพียบเช่นเคยยยย

สำหรับ Samsung Galaxy Note นี่เราเป็นแฟนมือถือตระกูลนี้มาตั้งแต่รุ่นแรกละ ใช้มาครบทุกรุ่นยกเว้น Note 5 แค่นั้น ซึ่งรุ่นหลัง ๆ ตอนที่หลาย ๆ อย่างในตลาดมือถือเริ่มตันแล้ว ก็คอยตามจับตาดูตลอดว่า S-Pen จะมีลูกเล่นอะไรใหม่ ๆ มาให้ Note หวือหวาบ้าง

ปีนี้นี่ตอนแรกคือเดาไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรได้อีก เพราะที่ผ่านมาก็สมบูรณ์มากแล้ว แต่ก็ไม่วาย ซัมซุงยังอุตส่าห์คิดฟีเจอร์ใหม่ ๆ เท่ ๆ แถมใช้งานได้จริงมาเปิดตัวอีกจนได้ ! เดี๋ยวบล็อกนี้จะเล่าให้ฟังหมดเลยว่า Note 10 มีอะไรเด็ด ๆ น่าสนใจบ้าง เอ้า จัดปายยยยย

มีสองรุ่น Note 10 และ Note 10+

Galaxy Note รุ่นที่ผ่าน ๆ มาจะออกแค่รุ่นเดียวคือรุ่นที่จอใหญ่ไปเลย (คือใหญ่กว่าตัว Galaxy S ตัวใหญ่อีก) ก็เลยเจอปัญหาว่าผู้หญิงเอยหรือคนที่มือเล็กเอยเลยไม่สามารถใช้ Note ได้ คืออยากใช้ปากกานะแต่มันใหญ่ไปอ่ะ ถือไม่ได้จริง ๆ

ปีนี้ซัมซุงเลยจัดให้ด้วยการแตกมือถือ Note ออกเป็นสองรุ่นได้แก่

Note 10 เป็น Note รุ่นที่เล็กที่สุดตั้งแต่เคยทำมา หน้าจอ 6.3″

Note 10+ เป็น Note รุ่นที่จอใหญ่สุดตั้งแต่เคยทำมา จัดไปกับหน้าจอ 6.8″ จ้าาา

โดยรวมสองรุ่นคล้ายกันมาก มีบางอย่างที่รุ่นเล็กถูกตัดออกไป แต่ก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญอะไร ดังนั้นมา Go through ทีละอย่างให้เห็นความเหมือนและความต่างของทั้งสองรุ่นเลยละกัน เริ่มจากสเปค

สเปค

เพื่อให้เข้าใจง่าย ขอเขียนสเปคโดยละเอียดของทั้ง Note 10+ และ Note 10 แยกไปเลยอย่างละก้อน โดยส่วนที่ไฮไลท์สีฟ้ากับสีส้มคือส่วนที่จะต่างจากของ Note ทั้งสองรุ่นครับ

สเปคของ Note 10+

เริ่มต้นจากพี่ใหญ่ก่อนเนอะ สเปคตามนี้ !

  • CPU Snapdragon 855 (ทั่วโลก) หรือ Exynos 9825 (US)
  • หน้าจอ Dynamic AMOLED 6.8 นิ้ว ละเอียด 3040 x 1440 พิกเซล
  • กล้องหลัง 3 ตัว: กล้อง Ultrawide 16 MP f/2.2, กล้องหลัก 12 MP f/1.5-2.4 และกล้องเทเล (45°) 12MP f/2.1
  • ชุดกล้องด้านหลังมาพร้อมกล้อง DepthVision ละเอียด VGA สำหรับวัดความลึกภาพ เพิ่มมิติหน้าชัดหลังเบลอ
  • กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล f/2.2 (FOV 80°)
  • สแกนนิ้วใต้จอ (อยู่สูงจากรุ่น S10 มาหน่อย)
  • RAM 12GB
  • พื้นที่ภายใน 256/512GB สามารถใส่ microSD Card เพิ่มได้สูงสุด 1TB
  • แบตเตอรี่ 4,300 mAh
  • ขนาด 77.2 x 162.3 x 7.9 มม.
  • น้ำหนัก 196 กรัม

สเปคของ Note 10

ตามมาด้วยน้องเล็ก สเปคต่างจากพี่นิดหน่อย

  • CPU Snapdragon 855 (ทั่วโลก) หรือ Exynos 9825 (US)
  • หน้าจอ Dynamic AMOLED 6.3 นิ้ว ละเอียด 2280 x 1080 พิกเซล
  • กล้องหลัง 3 ตัว: กล้อง Ultrawide 16 MP f/2.2, กล้องหลัก 12 MP f/1.5-2.4 และกล้องเทเล (45°) 12MP f/2.1
  • ไม่มีกล้อง DepthVision
  • กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล f/2.2 (FOV 80°)
  • สแกนนิ้วใต้จอ (อยู่สูงจากรุ่น S10 มาหน่อย)
  • RAM 8GB
  • พื้นที่ภายใน 256GB ไม่สามารถใส่ microSD Card เพิ่มได้
  • แบตเตอรี่ 3,500 mAh
  • ขนาด 71.8 x 151.0 x 7.9 มม.
  • น้ำหนัก 168 กรัม

โดยรวมก็ครบถ้วนแหละ ที่หายไปหลัก ๆ คงมีเรื่อง microSD Card ที่ใส่เพิ่มไม่ได้ เราก็บอกไม่ได้หรอกว่าพอไม่พอ ขึ้นอยู่กับการใช้ของแต่ละคน แต่ 256GB ก็ถือว่าเยอะพอสมควรแล้วแล ส่วนอีกอันที่หายไปคือกล้อง DepthVision ทำให้ความสามารถในการวัดความลึกของภาพคงไม่ได้แม่นยำเหมือนตัว Note 10+ แต่เท่าที่ลองดู ภาพออกมาก็ทำหน้าชัดหลังเบลอได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่ครับ

สรุปมันไม่ได้เป็นการตัดทอนอะไรไปมาก ส่วนใหญ่ตัดของที่ต้องใช้พื้นที่ (เช่นช่อง microSD) ออกไปเพื่อให้ขนาดมันเล็กลงได้เท่านั้นเอง ลองเล่นดูแล้วไม่รู้สึกถึงความต่างของทั้งสองรุ่นเลยครับนอกจากขนาด

รูปร่างภายนอก

ทั้งสองรุ่นรูปร่างภายนอกรวมถึงการวางปุ่มและฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ คือเหมือนกันเป๊ะ ต่างกันแค่ขนาดอย่างที่ว่าไว้ข้างบน เหมือน Note 10 โดนไฟฉายย่อส่วนมาหน่อยนึงประมาณนั้น งั้นมาดูรอบ ๆ กันว่าทั้งสองตัวเป็นยังไงบ้าง

เริ่มจาก Note 10+ ด้านหน้าโดยรวมคล้าย ๆ กับ S10+ แต่ความโค้งลดลงเนื่องจากต้องใช้พื้นที่ในการใส่ปากกา รวมถึงขอบจอด้านล่างก็แคบลงไปพอสมควรเมื่อเทียบกับ S10+ ส่วนกล้องก็ยังคงเป็นการเจาะรูหน้าจออยู่ แต่ย้ายจากมุมขวาบนมาอยู่ตรงกลางแทน ที่สังเกตเห็นคือ กล้องหน้าจะไม่มีกล้อง Depth ติดมาเหมือน S10+ แล้ว เหลือเพียงแค่กล้องตัวเดียวโดด ๆ อาจจะเพราะเหตุผลหลายข้อประกอบกัน

ด้านหลังมีกล้องทั้งหมด 4 ตัว พร้อมกับ Flash อีก 1 ดวง

ด้านบนด้านล่างก็พวกช่องใส่ซิม ลำโพง ฯลฯ เหมือนรุ่นก่อน ๆ ไม่อธิบายนะ ข้าม ๆ ๆ

อ๊ะ แต่ที่ไม่เหมือนรุ่นก่อนคือ …

ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm แล้วนาจาาาาาาาาาา
และแล้ววันนี้ก็มาถึง …

ต่อไปด้านขวาที่เดิมมีปุ่ม Power อยู่ ปรากฎตอนนี้เกลี้ยงเกลาไม่มีอะไรเลยยย

ซึ่งไม่ต้องตกใจว่ามันหายไปไหน เพราะปุ่ม Power มันย้ายมาอยู่ด้านซ้าย แทนที่ปุ่ม Bixby เดิมนั่นเองงง (ส่วนปุ่ม Volume ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม)

ทางซัมซุงบอกว่าไม่ได้เอาปุ่ม Bixby ออกนะ แต่เป็นการรวมกัน ซึ่ง … ก็นั่นแหละ เหมารวมว่าเอาออกละกันนะ

การเปลี่ยนแปลงนี้ก็อาจจะทำให้คนที่ใช้รุ่นก่อน ๆ งง ๆ อยู่บ้าง อย่างเรานี่จะกดเปิดกล้องด้วยการกดปุ่ม Power 2 ครั้งนี่งงทุกที แต่น่าจะชินได้ในวันสองวันแหละ (แต่เลิฟมากที่จะไม่มีการกดพลาดไปโดน Bixby แล้วววว … เอาน่า ความจริงคือความจริง เราควรยอมรับมันนนน)

คราวนี้ Note 10 บ้าง ด้านหน้าเหมือนกับของ Note 10+ แหละ กล้องก็อยู่ตรงกลางเหมือนกัน ที่เหลือก็เหมือนกัน สรุปคือเหมือนกันเลย จะพูดอะไรเยอะแยะฟระเนยยยย

ทางด้านหลังต่างกันเล็กน้อยตรงที่ไม่มีกล้อง DepthVision แล้วแค่นั้นเอง

ส่วนที่เหลือบนล่างซ้ายขวาเหมือน Note 10+ หมดทุกประการ ดังนั้นขอข้ามข่าบบบบ เดี๋ยวบล็อกยาวเกินไป

ย้ำ ย้ำ บ้ายบายรูหูฟัง 3.5mm

มันจากพวกเราไปแล้ว

เทียบขนาดกับ Note 9 นิดนึง

ขนาดความสูงและความกว้างถือว่าพอ ๆ กับ Note 9 เลย

แต่อย่างไรก็ตาม พอจับแล้วรู้สึกว่ามันไม่เทอะทะเหมือน Note 9 ซึ่งถามว่าทำไม คำตอบมัน มันบางกว่า Note 9 นั่นเองงง ซึ่งก็บางกว่าอยู่เยอะเหมือนกัน

ก็อาจจะต้องขอบคุณช่องหูฟัง 3.5mm ที่สละชีพไปเพื่อการณ์นี้ด้วย

กล้องหลังกับลูกเล่นในวันที่มี DepthVision (Time of Flight Sensor)

ถึงกล้องที่เอาไว้ถ่ายภาพจะมีเหมือน S10+ คือกล้องปกติ (x1) กล้อง Ultra Wide (x0.5) และกล้อง Telephoto (x2) แต่จริง ๆ ก็มีกล้องเพิ่มมาอีกตัวนะคือกล้อง DepthVision Camera ซึ่งถึงฟังดูเหมือนของใหม่ แต่จริง ๆ ทุกคนน่าจะรู้จักกันแล้วแหละในนามของ Time of Flight Sensor (ToF)

หลัก ๆ มันคือกล้องที่ถ่ายภาพออกมาได้เป็นความลึกนั่นแหละ โดยละเอียดที่ 640×480 พิกเซล ยกตัวอย่างเช่น ภาพนี้ที่ถ่ายด้วย Note 10+

ตอนถ่ายด้วยโหมด Live Focus (หน้าชัดหลังเบลอ) กล้อง DepthVision ก็จะแอบถ่ายไปพร้อม ๆ กันและได้ภาพความลึกออกมาเป็นแบบนี้

ซึ่งโดยรวมต้องบอกว่า ภาพความลึกที่ได้นั้นแม่นยำและถ่ายได้รวดเร็วมาก คุณภาพดีกว่ารุ่นก่อน ๆ (ซึ่งใช้เทคนิคความต่างของกล้องสองกล้อง) มากกก มากกกแบบเทียบกันไม่ได้ (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังด้วยว่าความเจ๋งของกล้อง DepthVision นี้จะเปิดให้ทำอะไรได้อีก)

และเราเชื่อว่าคนทั่วไปน่าจะดูสี Depth ไม่ออกหรอก ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือ … อัปรูปที่ถ่ายด้วย Note 10+ ให้เป็น 3D Photo บนเฟสบุ๊คซะเลย ก็จะเห็นภาพคร่าว ๆ แหละ ตามนี้ ! (ต้องดูบนคอมพ์นะ ดูบนมือถือบ่ได้)

ก็จะเห็นว่าความลึกมันเนียนมากกกก (ส่วนที่ตอนเอียงแล้วอาจมีบางส่วนที่พังก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะจริง ๆ มันเป็นรูป 2 มิติธรรมดา แต่เฟสบุ๊คใช้ Algorithm เพื่อสร้างภาพสามมิติแบบปลอม ๆ ขึ้นมา อาจมีไม่เนียนในบางส่วนอยู่แล้ว) แต่ถ้าเทียบกับ 3D Photo จากมือถือรุ่นอื่น ๆ แม้กระทั่ง iPhone XS เองที่มี ToF Sensor เหมือนกัน ตัว Note 10+ นั้นทำมาได้ดีกว่ามหาศาลเลย ประทับใจ ๆ

ซึ่งการที่ DepthVision Camera มีประสิทธิภาพสูงและทำงานได้รวดเร็ว ทำให้อะไรการถ่ายวีดีโอก็เลยทำ Live Focus ได้แล้ว มี Effect ให้เลือก 5 แบบ เพิ่งนึกออกว่า … ลืมถ่ายฟุตเทจ !!! ไม่เป็นไร ใช้วีดีโอของซัมซุงเลยละกัน

อย่างไรก็ตามการถ่าย Live Focus Video ก็ไม่ได้ทำได้เหมือนการถ่ายภาพนิ่ง Live Focus ทั้งหมดนะ เพราะตัววีดีโอจะไม่สามารถปรับความเบลอตอนหลังได้ ถ่ายเบลอแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้นไปเลย ซึ่งก็เข้าใจได้แหละ มันเป็นวีดีโอหนิ !

แล้วก็ Effect ที่เลือกถ้าเริ่มถ่ายแล้วจะเปลี่ยนไม่ได้จนกว่าหยุดถ่าย ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องทางซอฟต์แวร์มากกว่า อนาคตอาจจะทำได้ ๆ รอตัวสมบูรณ์ออกก่อนอีกทีเนอะ

สำหรับคนที่มาสายวีดีโอหรือ Vlog พูดเลยว่าฟีเจอร์นี้เวอร์คมากกกกกกกก วีดีโอดูโปรขึ้นสองร้อยห้าสิบเท่าแค่เพียงเปิด Effect

แต่ความเจ๋งของ DepthVision ไม่ได้มีแค่นี้ มันยังทำอะไรได้อีกเพียบ !

วัดระยะห่างด้วยกล้อง

เป็นฟีเจอร์ขำ ๆ ที่นำเสนอความสามารถพื้นฐานของกล้อง DepthVision ได้เป็นอย่างดีเลย แอป ฯ ไม่มีอะไรมาก เอาไว้วัดว่าจุดนั้น ๆ ในภาพอยู่ห่างจากกล้องเท่าไหร่

แล้วมันก็แม่นมากด้วย แต่นี่คือจุดเดียวเลยอาจจะไม่เจ๋งเท่าไหร่ ถ้าเกิดเอาทุกจุดมารวมกันแล้วประมวลผลต่ออีกหน่อยก็ทำอะไรหรูหราฟู่ฟ่าได้เลยนะ

เลยเป็นที่มาของฟีเจอร์ถัดไป

3D Scanner ฟีเจอร์ต่อยอดจากกล้อง DepthVision

พอกล้องมันสามารถวัดความลึกของสิ่งต่าง ๆ ได้ ก็เลยทำให้รู้ว่าวัตถุรูปทรงเป็นยังไง ถ้าถ่ายจากมุมเดียวก็อาจจะรู้แค่มุมเดียว แต่ถ้าถ่ายรอบ ๆ เลยหละ ก็จะรู้มิติครบทุกด้านเลยไง !

และนี่แหละฟีเจอร์ 3D Scanner เดินถ่ายรอบ ๆ แล้วจะได้เป็น 3D Object มาให้เล่นเลยทันที

ถ้าสิ่งที่สแกนมีแขนขาก็สามารถสร้างเป็น Skeleton และผูกกับท่าทางของคนจริง ๆ ได้ด้วย ถ้าคนเต้นมันก็เต้นตาม

ขอยกให้เป็นฟีเจอร์ที่ว้าวสุดในงานนี้เลย แต่ดูเหมือนจะยังทำไม่เสร็จดีเพราะไม่มีให้เล่น แต่ก็มีเดโมให้ดูในงานนะ ยิ่งไปเห็นเค้าเดโมยิ่งชอบเข้าไปอีก คือรอใช้เลยเนี่ย

Zoom Audio ซูมเสียงไปพร้อมกับภาพ

เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากสำหรับคนสายถ่ายวีดีโอเพราะก่อนหน้านี้ตอนซูมภาพเข้าไป เสียงก็จะยังคงเป็นเสียงของบริเวณที่ถือมือถืออยู่ ทำให้ภาพและเสียงดูแปลกไป คราวนี้พอเป็น Note 10/10+ ตอนเราซูมภาพเข้าไป เสียงบริเวณที่ภาพชี้ไปก็จะชัดขึ้นมา ในขณะที่เสียงรอบ ๆ ก็เบาลงไป สุดท้ายภาพและเสียงเลยมีมิติที่สอดคล้องกัน คุณภาพของวีดีโอก็จะดีขึ้นมาอย่างทันทีโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม

อันนี้เป็นวีดีโอโปรโมท ลองดู ๆ

ไม่มีคลิปทดสอบ (ลืมถ่ายอีกละ) แต่เท่าที่ลองดูคือเสียงชัดขึ้นจริงแบบในวีดีโอด้านบนเลย แต่ไม่ได้ดีเท่ากับไมค์บูมอะไรขนาดนั้นนะ แต่สำหรับคนถ่าย Vlog อะไรพวกนี้คือคุณภาพเหลือแหล่เลย

Super Steady ยังอยู่ ดีขึ้นด้วย ซูมได้ด้วย

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ว้าวที่สุดตอนเปิดตัว S10/S10+ อย่าง Super Steady หรือการถ่ายวีดีโอแบบนิ่งจนไม่ต้องพึ่ง Gimbal ก็ยังคงอยู่ แถมดีขึ้นด้วยเพราะใน Note 10 สามารถซูมได้ !

โดยการซูมจะเป็นการทำงานร่วมกันของกล้อง Ultra Wide และกล้อง Wide ที่ระบบจะสลับกล้องให้อัตโนมัติเมื่อถึงระยะซูมที่เหมาะสม

ไว้ได้เครื่องจริงจะทดสอบให้ดูกันอีกรอบนะว่าเนียนแค่ไหนสำหรับฟีเจอร์นี้

กล้องหน้าตัดกล้อง Depth ทิ้งไป

ถ้ายังจำกันได้ กล้องหน้า S10+ นั้นมีกล้องสองตัวคือกล้องสำหรับถ่ายภาพกับกล้องที่เอาไว้วัดความลึก (แต่ไม่ใช่ ToF นะ) สำหรับตัว Note 10 และ Note 10+ นั้นก็ได้ตัดกล้องหน้าที่สองทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ถามว่าส่งผลอะไรมากมั้ยก็ตอบว่าไม่ เพราะด้วยกล้อง Note 10+ ก็ยังถ่ายหน้าชัดหลังเบลอด้วยกล้องหน้าได้อยู่ดี เพียงแต่ต้องถ่าย “หน้าคน” เท่านั้น

ข้อดีเดียวของกล้อง Depth ด้านหน้าที่ S10+ มีคือความสามารถในการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอให้กับ “วัตถุอะไรก็ได้” ด้วยกล้องหน้า แต่ถามว่ามีคนใช้กล้องหน้าถ่ายอะไรแบบนั้น ชีวิตจริงมันก็ไม่มีไง ด้วยเหตุนี้มั้งซัมซุงก็เลยตัดสินใจตัดกล้องหน้าที่สองทิ้งไปจาก Note 10/10+

ผลพลอยได้คือพื้นที่ที่ใช้ติดตั้งกล้องบนหน้าจอเลยน้อยลง ทำให้เห็นจอได้เต็มขึ้นอย่างที่เห็นในดีไซน์นั่นแล

อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอก กล้องหน้ายังคงถ่ายหน้าชัดหลังเบลอหน้าคนได้อยู่เหมือนเดิม รวมถึงวีดีโอก็ได้เช่นกัน ! นี่เป็นตัวอย่างจ้าาา

ขอบอาจจะมีไม่เนียนบ้างเพราะเป็นการตัดตัวคนออกมาด้วย Software ล้วน ๆ อาจมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่จากที่ลองดูแล้วถือว่าคุณภาพน่าพอใจ(มาก)เลยหละ ลองดูด้วยตาตัวเองในวีดีโอด้านบนได้เลยยย

ตัดต่อวีดีโอบนมือถือได้เลย

จริง ๆ เป็นฟีเจอร์ที่มีบนมือถือ Note รุ่นก่อนหน้านี้ก่อนจะหายไปและตอนนี้ก็กลับมาอีกรอบกับซอฟต์แวร์ตัดต่อวีดีโอที่ให้คุณสามารถตัดคลิปอย่างง่ายดายบนมือถือโดยตรงไม่ต้องพึ่งคอมพ์

ค่ดดี ค่ดดี ค่ดดดดดดดี พูดเลย ไม่ต้องพึ่ง InShot แล้ว เย้ !

ร่ายคาถาไปกับ S-Pen กายสิทธิ์

เป็น Galaxy Note ทั้งทีแล้วจะไม่พูดถึง S-Pen ได้อย่างไร บาป !

สำหรับ S-Pen นี่คือเราลุ้นทุกปีอ่ะว่าจะมีอะไรใหม่ แบบ เทคโนโลยีมันจะไม่ตันเลยหรอว้าาา ปีนี้คือเดาไม่ถูกเลยว่าจะทำอะไรได้อีก ก่อนหน้านี้มันก็ทำได้ครบหมดแล้วนะ แต่ปรากฎ Samsung ก็เซอร์ไพรส์เราได้จนได้ ด้วยการพ่วง Motion Sensor 6 แกนมากับ S-Pen เลย ทำให้เราสามารถสั่งงานมือถือได้ด้วยการ “แกว่ง S-Pen” ราวกับเป็นไม้กายสิทธิ์ก็ไม่ปาน ป๊าดดดด

หลัก ๆ ก็จะมีแอป ฯ กล้องที่สามารถปัดขึ้นปัดลงปัดซ้ายปัดขวาเพื่อเปลี่ยนโหมดได้อย่างง่ายดาย หรือควงซ้ายควงขวาเพื่อซูมเข้า-ออกก็ได้เช่นกัน (ท่าเหมือน Harry Potter มาก) อันนี้พามาดูเดโมกันเลยจะได้เห็นว่าใช้งานจริงแล้วเป็นยังไง

ส่วนตัวยกให้ฟีเจอร์นี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ว้าวที่สุดของงานนี้เลยนะ มันเจ๋งและใช้งานได้จริงด้วย พอชินแล้วมันสะดวกมาก ๆ

นอกจากแอป ฯ กล้องแล้วก็ยังมีแอป ฯ อื่นอีกที่สนับสนุนการแกว่งปากกา เช่น YouTube และที่สำคัญสุด ๆ ของสุด ๆ คือ

ซัมซุงเปิด SDK ให้เข้าถึง Motion Sensor บน S-Pen ได้ด้วย ! แล้วก็ปล่อยแล้วด้วย !
พูดง่าย ๆ คือจากนี้เราจะสามารถแกว่งปากกาบนแอป ฯ ต่างได้มากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือรอเกมที่ใช้การแกว่งปากกาเลย น่าจะสนุกมากกกกก

รอติดตามกันต่อไปว่าใครจะเข็นของเล่นเจ๋ง ๆ จากฟีเจอร์ตรงนี้มาอีกบ้าง =D

AR Doodle

ปีนี้ซัมซุงเริ่มเล่นกับ AR มากขึ้นโดยยกเอาความสามารถของ S-Pen มาเสริมทัพ ทำให้ได้ฟีเจอร์ที่เฉพาะตัวและใช้งานได้จริงหลายตัว หนึ่งในนั้นคือ AR Doodle หรือฟีเจอร์ที่ให้เราสามารถเปิดกล้องแล้ววาดรูปลงไปบน “หน้าคน” หรือ “อากาศ” แล้ว ตอนขยับกล้อง สิ่งต่าง ๆ ที่วาดไว้ก็จะขยับตามวัตถุที่เราตั้งไว้

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวาดบนหน้าคนตรงหน้าผาก หากคนนั้นขยับหัว ของที่วาดก็จะขยับตามให้อยู่บนหน้าผากเสมอ อาจจะพอมองเห็นภาพ แต่มาดูวีดีโอกัน อันนี้จะเข้าใจชัดเจนแน่นอน !

มันเป็นลูกเล่นให้คนที่ชอบถ่าย Vlog ได้ทำอะไรสนุก ๆ และทำให้ Content มีมิติขึ้นมาได้มากเลยหละ ชอบ ๆ
Export Notes เป็นไฟล์ Words หรือ PDF

เป็นฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่หลายคนเรียกร้องมานาน กับคนที่ชอบจดโน้ตบน Samsung Notes แล้วบอกว่าเอาไปใช้ต่อยากเหลือเกิน ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เราสามารถแปลงลายมือให้เป็นข้อความและ Export เป็น Words Format หรือ PDF ได้เลยทันที

ก็น่าจะตอบโจทย์หลาย ๆ คนที่มี Pain นี้อยู่ครับ =)

ชาร์จเร็วขึ้นด้วย Adapter 25W

Note 10 และ Note 10+ จะมาพร้อมกับ Adapter ที่กระโดดพลังชาร์จจาก 18W ขึ้นเป็น 25W ทำให้ชาร์จเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถึงจะฟังดูไม่มีอะไรมาก แต่การชาร์จเร็วนี่มันสำคัญจริง ๆ นา เลยเขียนให้ไว้หัวข้อนึง

ชาร์จไวไว๊ไวด้วย Super Fast Charging 45W [Note 10+ เท่านั้น]

สำหรับ Note 10+ จะชาร์จได้เร็วขึ้นไปอีกเพราะจะสามารถชาร์จได้ด้วยพลังถึง 45W สามารถชาร์จแบตที่เพียงพอต่อการใช้ 1 วันเต็มด้วยการชาร์จเพียง 30 นาทีเท่านั้น

ความเร็วในการชาร์จถือว่าสะใจมาก แต่อย่างไรก็ตาม ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มนาจา ในกล่องที่ให้มายังคงเป็น 25W อยู่ดีย์

Samsung DeX for PC

Samsung DeX หรือฟีเจอร์ที่เราสามารถเปิด DeX Mode (โหมดระบบปฏิบัติการที่เหมือน Desktop) บนหน้าจออื่น เช่น ทีวี ก็มีการอัปเกรดแบบมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยรอบนี้ Note 10/10+ มาพร้อมฟีเจอร์ Samsung DeX for PC ที่ให้เราสามารถรัน DeX Mode บนระบบปฏิบัติการอื่นได้แล้ว ทั้ง Windows 7/10 และ Mac OS X จากที่ก่อนหน้านี้สามารถรันบนหน้าจอเปล่า ๆ ที่ไม่มีระบบปฏิบัติการได้เท่านั้น

โดยฟีเจอร์ก็ครบถ้วนเลย สามารถโอนย้ายไฟล์ระหว่างคอมพ์และมือถือผ่านโหมดนี้ได้อย่างง่ายดาย

หรือถ้ามีใครมี Presentation บนมือถือแล้วอยากเสียบคอมพ์พรีเซ็นต์ ก็ทำได้โดยไม่ต้องโอนไฟล์ลงคอมพ์ให้เสียเวลา

ประโยชน์มีเยอะ แล้วแต่ใครคิดจะทำอะไรเลยยยย

อย่างไรก็ตาม … ต้องเสียบสายนะจ๊ะ ตกลงที่บอกว่า DeX ไร้สายเนี่ย ไม่มี

ร่วมมือกับ Microsoft ทำแอป ฯ ทำงานร่วมกับ Note 10 บน Windows

ปีนี้ Samsung เริ่มหา Partner มาร่วมงานด้วยหลายเจ้า หนึ่งในเจ้าใหญ่มาก ๆ ก็คือ Microsoft ที่งานนี้จริงจังขนาดที่ CEO ของ Microsoft บินมาขึ้นเวทีงานเปิดตัวนี้ด้วยตัวเองเลยด้วย

จริง ๆ มีการร่วมมือกับ Microsoft หลายอย่าง แต่หลัก ๆ ที่ถูกยกมาเป็นพระเอกคือ “แอป ฯ ที่เอาไว้ทำงานร่วมกับ Note 10 บน Windows แบบไร้สาย”

มันคือแอป ฯ ที่ทำให้เราสามารถใช้งานฟังก์ชันมือถือผ่าน Windows ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการรับส่ง SMS การจัดการ Notification หรือแม้กระทั่ง Mirror หน้าจอให้สั่งงานผ่านคอมพ์ได้เลย แทบไม่มี Latency ให้เห็น สตรีมเร็วมากกกก

แน่นอนว่าการโอนย้ายไฟล์ระหว่าง Windows และมือถือก็ทำได้อย่างง่ายดายผ่านแอป ฯ นี้

อนาคตเห็นว่าจะให้โทรหรือรับสายผ่าน Windows ได้ด้วยนะ ภายในปีนี้นี่แหละ

หากให้อ่าน Strategy คิดว่ามูฟนี้น่าจะเป็นการตี Ecosystem ของแอปเปิ้ลที่ให้อุปกรณ์ iOS สามารถทำงานร่วมกับ Mac ได้นั่นแหละ ซึ่งนาทีนี้พอกระแส Windows เริ่มแรงขึ้น ฟีเจอร์นี้ก็ดูสำคัญมากเลยนะ นี่ก็จะเปลี่ยนไปใช้ Windows อยู่เร็ว ๆ นี้เหมือนกัลลล

เอาใจคอเกมด้วย Vapor Chamber เกมหนักแค่ไหนก็ไม่ร้อน !

แผ่นระบายอากาศ (Vapor Chamber) ที่มีใน S10+ ก็มีใน Note 10/10+ ด้วยเช่นกัน งานนี้เล่นเกมยังไงเครื่องก็ไม่ร้อนจนมือพอง อย่างมากก็แค่อุ่น ๆ

ถามว่าประสิทธิภาพดีแค่ไหน ขอเทียบกับ S10+ ละกัน เคยลองเล่นเกมเดียวกันใน Note 9 และ S10+ ปรากฎว่า Note 9 Overheat ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ส่วน S10+ เปิดค้างทั้งวันก็ไม่เป็นอะไร (ทดลองในห้องเดียวกัน) โดยรวมต้องบอกว่า Vapor Chamber ใช้งานได้มีประสิทธิภาพจริง คอเกมต้องชอบ

แต่ถ้าเอาไปเล่นในประเทศที่ร้อนระดับอิมพอร์ตนรกมาอย่างประเทศไทยก็คงต้องดูกันอีกทีอ่านะ …

สี ! … สวย !!!

มาถึงเรื่องสำคัญ … สีตัวเครื่องจย้าาาาา ปีนี้ Samsung ก็เซอร์ไพรส์ด้วยการออกสีใหม่ได้อีกอย่างสี Aura Glow ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีได้ตามสิ่งที่มันสะท้อน สวยด้วย !

สำหรับสีอื่นก็อาจจะไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็คลาสสิคและสวยอยู่ อย่าง Note 10+ ก็มีสี่สี Aura Glow, Aura White, Aura Black และ Blue (ซึ่งสีน้ำเงินจะไม่เข้าไทย ส่วนที่เหลือเข้าหมด)

ทางด้าน Note 10 ตัวน่อยมีอยู่ 4 สีเหมือนกันคือ Aura Glow, Aura Black, Pink และ Red ซึ่งมีแค่สีแดงที่ไม่เข้าไทย ส่วนที่เหลือเข้าหมดครับ)

อันนี้เอาวีดีโอของสีต่าง ๆ ตอนเคลื่อนไหวมาให้ดู จะเห็นว่า Aura Glow สีเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมได้อย่างสวยงามจริงจัง

ขายดีแน่ Aura Glow ! ชอบ !

ราคา

ที่ไทยเปิดตัวอย่างเป็นทางการและประกาศราคาแล้ว ตามนี้ !

เผื่อใครโหลดรูปไม่ขึ้น ราคาตามนี้

Note 10: 32,900 บาท

Note 10+ (256GB): 37,900 บาท

Note 10+ (512GB): 40,900 บาท

ถูกหรือแพงยังไงก็แล้วแต่คนจะมอง เนยจะไม่ยุ่ง …

รีวิวเต็ม ๆ กำลังจะตามมา

มีรีวิวเต็ม ๆ (โดยเฉพาะกล้อง) แน่นอน แค่ขอรอเครื่องจริงก่อน เผอิญรอบนี้มีเวลาเล่นเครื่องน้อยพอสมควรเลยยังไม่จุใจ ไว้วางขายแล้วจะสอยมารีวิวให้ดูกันนะว่าดีไม่ดียังไง

แต่โดยรวมแฮปปี้มาก อยากได้เพราะ DepthVision Camera เลย ทำอะไรได้หลายอย่างจริง ๆ โดยเฉพาะ 3D Scanner อยากใช้แล้วววววว

ยังไงไว้เจอกันอีกทีตอนรีวิวนะ บล็อกนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่ แว้บบบบบ